วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แก้ปัญหายกเลิกใบเสร็จแล้วพิมพ์ใบเสร็จใหม่ไม่ได้

วันนี้ได้รับแจ้งจากน้องเบิร์ด  ที่รับเรื่่องจากการเงินเรื่่องการ ออกใบเสร็จรับเงินไม่ได้  
ปัญหาคือออกใบเสร็จไปแล้ว  แต่มีการปรับเปลี่ยนยาทำให้ต้องยกเลิกใบเสร็จรับเงิน
การเงินยกเลิกใบเสร็จเดิมแล้ว  แต่ไม่สามารถออกใบเสร็จใหม่ได้

จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าข้อมูลในระบบ การจ่ายยาออกไปเรียบร้อยแล้ว  และคนไข้ก็กลับบ้านไปเรียบร้อยแล้ว   การเงินจะออกใบเสร็จย้อนหลังให้  ช่วยกันอยู่นานก็ไม่ได้ซักที เลยหาข้อมูลใน Hosxp.net  เขาแนะนำให้  ไปลบ  ข้อมูล  ตาราง  Opitemrece   ฟิลล์  Finance_number  ตามรูปครับ
แล้วก็กด Update  ทีนี้ก็ลองไปออกใบเสร็จใหม่ก็สามารถใช้งานได้



ไม่แนะนำใ้ห้บ่อยครับเพราะมันคงไม่ดีเท่าไหร่   
       การแก้ปัญหาระยะยาว  ของหน่วยงานคงต้องมาคุยกันเรื่่องกระบวนการทำงานครับ  เนื่องจากปัจจุับัน  จะมีปัญหาเรื่อง  กระบวนการทำงาน  เนื่องจากห้องยาส่งมาให้ห้องชำระเงินออกใบเสร็จก่อน  แต่บางครั้งเมื่อมาเช็คจำนวนยา  แล้วยาหมด ไม่พอกับจำนวนที่หมอสั่ง  จำเป็นต้องปรับยาใหม่  และต้องออกใบเสร็จใหม่      ต้องเป็นโจทย์ให้ทีม IM  ต้องคิดและแก้ไขปัญหากระบวนการทำงานให้มันดียิ่งขึ้นไปครับ     

การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอาจแก้ไขได้ครับ  แต่ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน  การแก้ที่ระบบงานน่าจะเป็นทางออกที่ยั่งยืนในปัญหาเรื่องนี้ครับ








วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คน ในแต่ละ Generation


ผมลองอ่าน  คน ใน Generation   ได้ลองอ่านแล้วก็ก็เป็นเรื่องน่าคิด  เพราะวันหนึ่งเราทำงานก็รู้สึกว่ามักจะเจอ เข้ากับตัวเองบ่อย  จึงพยายามเข้าใจ  ในสิ่งที่เป็น  ขอเก็บแล้วกันนะครับ  ผมก็ค้นหามาจากเน็ตเหมือนกัน


ความหมายของ Generation X (Extraordinary) 

" Life exists elsewhere in the universe."
นี้ควรเป็นคำกล่าวที่น่าจะเป็นนิยามอย่างดีสำหรับชาว X'ers เชื่อว่าครั้งหนึ่งในชีวิต คุณเองก็คงมีช่วงเวลาหนึ่งที่อยากจะค้นหาความหมายของชีวิต อยากจะทำแต่สิ่งที่อยากทำ อยากลองเสี่ยงแต่จริงจังกับความรู้สึกโดยไม่มีเงื่อนไขหรือมีสภาวะใดๆมาบีบบังคับ คุณอยากดื้อดึงและยืนหยัดกับความเป็นตัวของตัวเอง เพียงขอให้ได้ผจญภัยในชีวิต แม้สักครั้ง..ก็ยังดี

Generation X คือ กลุ่มคนที่อายุ 29-43 ปี มีลักษณะพฤติกรรมชอบอะไรง่ายๆ ไม่ต้องเป็นทางการให้ความ สำคัญกับเรื่องความสมดุลระหว่างงานกับครอบครัว (Work-life Balance) มีแนวคิดและการทำงานในลักษณะรู้ทุกอย่างทำทุกอย่างได้เพียงลำพัง ไม่พึ่งพาใคร มีความคิดเปิดกว้าง พร้อมรับฟังข้อติติง เพื่อการปรับปรุงและ พัฒนาตนเอง

ในด้านการทำงาน ยิฟฟี่ หรือ gen X จัดว่าเป็นกลุ่มที่มีความตั้งใจและความทะเยอทะยาน เพราะเกิดมาในยุคที่การแข่งขันสูง (เทียบดูกับประวัติศาสตร์ก็คือ ยุคอุตสาหกรรมเศรษฐกิจเฟื่องฟูหลังสงครามอะไรทำนองนั้น) แต่ด้วยเอกลักษณ์ที่ว่าคนรุ่นนี้รักอิสระ ยิฟฟี่จึงรู้จักจัดสรรเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนให้คล่องตัว และเริ่มยืดชีวิตโสดของตัวเองออกไป

ในด้านการใช้จ่ายเงินนั้น เหล่ายิฟฟี่กลับมีความรอบคอบในการใช้จ่ายเงินตรามาก ในงานวิจัยจัดว่าเป็นกลุ่มที่ใช้เงินเป็น อะไรที่ไม่จำเป็นจริงๆก็ไม่ซื้อ แต่อะไรที่จำเป็น ถึงจะแพงแค่ไหน ก็ควักตังค์จ่ายได้โดยไม่ลังเล และเพราะความระมัดระวังในการจัดการรายรับรายจ่ายนั้น การเข้ามาของเทคโนโลยีก็มิได้ทำให้คนรุ่นนี้ถึงกับเพ้อคลั่งนั่งเล่นคอมพิวเตอร์ข้ามวันข้ามคืนเหมือนเด็กรุ่นใหม่บางคน แต่เขาจะใช้เพื่อการทำงานและเพื่อความสะดวกสบายเท่านั้น

Generation Y (Why I was born?) 

gen Y คือ ผู้ที่กำลังก้าวเข้ามาสู่วัยทำงาน
หากดูจากหลายๆตำราแล้ว gen Y จะจัดเป็นกลุ่มคนอายุตั้งแต่ 15 - 30 ต้นๆ เป็นกลุ่มคนที่เกิดมาพร้อมกับความสงสัย เป็นรุ่นลูกของ gen X และมีปู่ย่าตายายเป็น gen B เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เกิดมาด้วยความเพียบพร้อม และความสับสน

BK ให้ภาพ Generation Y แบบไทยๆ ไว้น่าสนใจว่า Gen ' Y เป็นกลุ่มคนที่เกิดในช่วงเวลาบ้านเมืองสงบและง่ายดายขึ้น พวกเขาไม่รู้จักเหตุการณ์ 14 ตุลาคม และยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พวกเขามีแม่บ้านคอยดูแลทำความสะอาดบ้านให้ มีรถที่พ่อแม่ซื้อให้ เชี่ยวชาญการท่องเน็ท เคเบิลทีวี และโทรศัพท์มือถือ หรือ PDAs ซึ่งทำให้เข้าถึงหาข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

BK ยังบอกอีกว่า นับแต่โมเดิร์นด็อก วงอัลเทอร์เนทีฟของเมืองไทยปรากฏตัวขึ้นเมื่อปี 1994, เป็นเอก รัตนเรือง ทำหนังฝันบ้าคาราโอเกะ ในปี 1997 ,แฟตเรดิโอ และอะเดย์ แมกกาซีน ในปี 2000 , ปรากฏการณ์เหล่านี้ทำให้ Generation Y มีพื้นที่ของตัวเอง สื่อต่างๆ เหล่านี้บอกว่า ทุกๆ คนสำคัญและมีหนทางของตัวเอง การตลาดเพื่อคนส่วนใหญ่ ( mass ) นั้นเชย ( out ) ไปแล้ว การตลาดเล็กๆ แต่ เก๋ กำลังอิน พวกเขาเปลี่ยนผ่านจาก จิ๊กโก๋- เด็กอัลเทอร์-เด็กอินดี้ -และกลายเป็น-เด็กแนวในที่สุด

เรื่อง Relationships ของพวกเขา ยิ่งเป็นเรื่องง่ายของGen' Y เหมือนกับ กดปุ่ม " Add as Friend " ใน My Space เรื่องเอนเตอร์เทนทั้งหลายอีก Gen ' Y สนองความต้องการของตัวเองได้ทันที แค่ คลิก iTunes หรือ BitTorrent

ในที่ทำงาน BK บอกว่า Gen ' Y มักจะมีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก พวกเขามักจะต้องการเงินเดือนสูงๆ และไม่ต้องการไต่เต้าการทำงานจาก "ข้างล่าง" พวกเขาคาดหวังเงินเดือนมากกว่าคนที่มีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว 10 ปี
พวกเขาไม่ได้ต้องการคำแนะนำว่า ควรหรือไม่ควรทำอะไร ไม่เชื่อในการใส่ยูนิฟอร์ม ไม่เชื่อเวลา 9-5 ของออฟฟิศ เวลาทำงานให้ใครพวกเขาต้องการอิสระและเป็นตัวของตัวเอง พวกเขาพูดว่า "ไม่" ทันทีถ้าไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นส่วนใหญ่ และหลายๆ คนใน Generation Y มักจะทำงานแบบ Freelance

ถึงแม้ gen Y จะมีข้อเสียอยู่มาก แต่พลังทางความคิดก็เป็นที่ต้องการในสังคม(หากเอามาใช้ในทางที่ถูกนะ) แต่...อีกแล้ว...gen Y จัดว่าเป็นกลุ่มคนที่มีความภักดีต่อองค์กรน้อยที่สุด เปลี่ยนงานบ่อยที่สุด

ที่มา:


คนละภาษาเดียวกัน...??

..วันนี้เป็นวันที่ผมขึ้นเวรวันหยุด..ได้นัดหมายกับรักษาการตึกผู้ป่วยใน...ให้ลงไปเตรียมความพร้อมเรื่องระบบการสั่งยาจากผู้ป่วยใน  โดยให้แพทย์เป็นผู้คีย์ยา   ซึ่งปิกติเป็นเรื่องที่ยากมากในการที่จะให้แพทย์มาคีย์ยา  ซึ่งบรรยากาศแสนวุ่นวายเหลือเกินเพราะเป็นคนไข้จิตเวช  (ถ้าปกติจะมาจิตเวชทำไมหว่า)
  ระหว่างที่รอ  เราก็พบเห็นบรรยากาศมากมาย  การทำงานของแพทย์ช่วงวันหยุด    มันแสนจะวุ่นวาย (เพราะผมไปประมาณ 2 ชั่วโมง ยังรู้สึกว่าวุ่นวายมาก)  

    ระหว่างที่รอในยังไม่ได้ใช้ระบบ  ได้มีพยาบาลถามผมเรื่องใบแสดงความคิดเห็นแพทย์พิมพ์ยังไง  ผมก็งง ๆ  มันคืออะไรน้อ     เห็นพยาบาลคลิีกๆ  ค้นหา  ผมเลยเปิดใบรับรองแพทย์ให้ดู   ว่าอันนี้ใช่หรือเปล่า  พยาบาลบอกว่าใช่   นึกว่าจะเสร็จ   แต่เขาบอกว่าอันนี้นะภูกแต่ไม่ใช่อันนี้  เป็นใบที่พิมพ์ออกมามาที่มีค่าใช้จ่าย  ยิ่งทำให้ผมงงเข้าไปใหญ่  เพราะถ้าพิมพ์ใบค่าใช้จ่ายก็เป็นสรุปรายการค่าใช้จ่าย  ซึ่งต้องคุยกันอยู่นานจนกว่าจะรู้  ว่าทางการเงินเขาให้คีย์ค่าใบรับรองแพทย์ ลงไป เนื่องจากการเงินลงไม่ได้  (แต่ในระบบจริงๆ ลงได้)    ก็เลยสรุปกระบวนการทำงานได้เขาฟัง
1. กรณีที่มีหัตถการนั้น  ปกติพยาบาลจะเป็นคนคีย์ให้
2. กรณีที่เป็นการเรียกเก็บเงินค่าใช้จ่าย เช่นค่าใบรับรองแพทย์  พยาบาลจะเป็นคนเขียนใบเรียกเก็บเงินให้  ให้การเงินเป็นคนไปบันทึกค่าใช้จ่าย  แ ละเรียกเก็บเงินที่ห้องชำระเงิน
3. จากการตรวจสอบคือ จนท.การเงินไม่เข้าใจ ระบบการทำงานของโปรแกรมทำให้ออกใบเสร็จไม่ได้    จึงได้แนะนำไป
4. ประเด็นเรื่องค่าใช่จ่ายตกลงใครคีย์ใครไม่คีย์ต้องมาคุยกันอีกรอบหนึ่งโดยต้องยึดตามข้อตกลงเก่าไปก่อน    เนื่องจากเป็นเรื่องของทั้งหน่วยงานต้องตกลงร่วมกัน

 ผมก็นึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงระบบโดยที่ทางทีม IM ไม่รู้ตัว   ประเด็นคือการสื่อสารตั้งแต่การเงิน มาถึงพยาบาล  พยาบาลส่งต่อมาที่ จนท.คอมฯ  ก็เป็นคนละประเด็นกันเลย  ทำให้เกิดความงงๆ กันเกิดขึ้น

      แต่ก็เป็นสิ่งที่ดี  ที่เราจะได้ไปดูระบบการทำงานที่มากขึ้นเข้า   ไปรับรู้ระบบการทำงานที่มากขึ้นหลังจากที่ผ่านมา  เราพยายามปรับปรุงระบบไปข้างหน้าเรื่อยๆ   โดยไม่ได้มองย้อนกลับหลังว่าเป็นไง
    สรุปวันนี้หมอก็ยังไม่ได้สั่งยาโปรแกรม  เนื่องจากกว่าจะ Discharge  คนไข้เสร็จก็เืกือบเที่ยงแล้ว  เห็นท่าหมอคงจะเหนื่อยเลยไม่อยากรบกวนท่านมาก  คงไว้โอกาสต่อไปอาจเจอคำถามแปลกๆ  เข้ามาอีกยังต้องลองดู   เพราะเราต่างคนต่าง พูดคนละภาษาเดียวกัน